Wednesday, December 23, 2009

ราศีกลุ่มคนในประเทศไทย

โดย Mr. Thailand
ข้อมูล จาก คุณพิฆเนศ สุขสมจิตร

คนเราทุกๆคนย่อมจะมีวันเกิดประจำตัวกันทั้งนั้น ไม่ว่าพวกคุณ จะเป็นคนที่เกิดใน วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ ฯลฯ จนมาถึงวันอาทิตย์ แล้วมันจะแตกต่างกันอย่างไร มันก็แค่วันต่างๆ ในสัปดาห์ เท่านนั้นเอง หา.....พวกคุณๆ.....คิดกันอย่างนั้นนะหรือ.........แต่ผมคนหนึ่งละที่ไม่ได้คิดอย่างนั้น เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า

วันอาทิตย์
ความร้อนแรงของดวงอาทิตย์......ยังคงแผดเผา.....ให้หลายต่อหลายอย่างมอดไหม้เป็นจุนไปได้.......แต่ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ในปี พ.ศ. 2553 ที่กำลังจะมาถึงนี้คงจะต้องสงบปากและสงบคำลงบ้างก็จะเป็นการที่ดี....และสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีขาลนี้.....คงจะมีการแปลเปลี่ยนไปบ้างไม่มากก็น้อย.....คนที่เกิดในวันอาทิตย์คงจะต้องเป็นผู้ที่รอโอกาสดังเสือสุ่มเพื่อคอยตะคลุบเหยื่อฉันใดก็ฉันนั้น


วันนี้คงนำเสนอแค่คนที่เกิดในวันอาทิตย์ก่อนนะครับ
ขอให้โชคดี......เถอะพี่น้องชาวไทย

Bangkok Creative City

Bangkok Creative City
โดย : พิฆเนศ สุขสมจิตร

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาส เข้าร่วมการสัมมนา โครงการหนึ่งมันน่าสนใจมากเลยจนอดไม่ได้ที่จะขอนำเสนอรายละเอียดของโครงการดังกว่า โดยขอนำเสนอการสรุปการสัมมนาในหัวข้อ “ กรุงเทพฯเมืองสร้างสรรค์ ” ( Bangkok Creative City) กำหนดการของการสัมมนาในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 2 วัน โดยในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เป็นการนำเสนอผลการวิจัยในหัวข้อ
“ Bangkok Creative Spaces ” และ ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552 จะเป็นการสัมมนา หัวข้อ “ การพัฒนากรุงเทพฯ สู่เมืองสร้างสรรค์ ” ซึ่งผมจะขอนำเสนอการสรุปในภาพรวมของการสัมมนาฯ มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
1)ในวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2552เป็นการนำเสนอผลการวิจัยในหัวข้อ
“ Bangkok Creative Spaces ” สาระสำคัญจะเป็นการนำเสนองานวิจัยของศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ Thailand Creative & Design : TCDC มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ในรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในวัยทำงาน คือ อายุเฉลี่ยของกลุ่มคนกลุ่มนี้จะอยู่ระหว่างอายุ 18 - 55 ปี จากแต่เดิม
(ระหว่างปี พ.ศ. 2547-2552)นั้น การเลือกที่พักอาศัยของกลุ่มวัยทำงานจะให้ความสำคัญของการจัดสร้างที่อยู่อาศัยเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น จะคำนึงถึงการคมนาคมและการขนส่ง การเดินทางจากที่พักอาศัยของตนเองไปยังสถานที่ทำงาน หรือ ปัจจัยทางด้านอืน ๆ เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่พักอาศัย หรือ คำจำกัดความที่ว่า “ จะใช้ลักษณะของตัวงานและการประกอบอาชีพของตนเองเป็นตัวตั้งเพื่อที่จะทำการเลือกที่พักอาศัย ”
แต่ในสภาวการณ์ปัจจุบัน (ปีพ.ศ.2552) คนวัยทำงานกลุ่มนี้ (เป็นกลุ่มชนที่ใหญ่มาก มีความเชื่อมั่นและมีความเป็นตัวของตัวเองสูง อีกทั้งยังมีกำลังซื้อที่สูงอีกด้วย) จะใช้ความต้องการส่วนตัวและความชื่นชอบการออกแบบเมืองเป็นปัจจัยหลักในการเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งข้อมูลจากงานวิจัยฯได้ชี้ให้เห็นว่าคนกลุ่มนี้จะคำนึงถึงความสะดวกสบายและความต้องการของตนเองเป็นตัวตั้งหลักสำคัญ เพื่อที่จะทำการเลือกที่พักอาศัย และหมายรวมถึงความชื่นชอบของกลุ่ม หรือ สังคมที่คนๆนั้นสังกัดอยู่เป็นหลัก การคำนึงถึงรูปและลักษณะการทำงานของตนเองจะเป็นปัจจัยตัวรองๆลงไป เพื่อที่จะเลือกที่อยู่อาศัย
ปัจจุบันนี้สามารถสังเกตได้ว่าบนถนนรัชดาฯ ได้มีการก่อสร้างคอนโดมิเนี่ยมมากขึ้น ในห้างสรรพสินค้าต่างๆ มีการปรับปรุงให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น การสร้างและปรับปรุงโรงแรมใหญ่ระดับ 4–5 ดาว ก็มีมากขึ้นบนถนนรัชดาฯ เพื่อเป็นการรองรับความต้องการของคนกลุ่มนี้ โดยเฉพาะ
การกำหนดแผนงานและนโยบายของภาครัฐบาลในปัจจุบันได้มีการปรับปรุงเพื่อให้ทันต่อความต้องการของกลุ่มคนวัยทำงานมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งกลุ่มวัยทำงานกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ใหญ่มากที่สุดในจำนวนของประชากรที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร สังเกตเห็นได้จากนโยบายของภาครัฐบาลที่ได้กำหนดให้มีการขยายและจัดสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินเพิ่มเติม และเป็นการอำนวยความสะดวกของกลุ่มคนวัยทำงาน ทั้งยังเป็นการสอดรับกับความต้องการของประชาชนกรที่พักอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครอีกทางหนึ่ง
2)ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552 เป็นการนำเสนอการบรรยายในหัวข้อ “ แนวทางใหม่ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการออกแบบชุมชนเมืองเพื่อบ่มเพาะความสร้างสรรค์ในมหานครของโลก ซึ่งจะเป็นการรวบรวมข้อมูลและเป็นการกำหนดกลยุทธ์การใช้ที่ดิน และนโยบายการพัฒนาที่ดินอย่างสร้างสรรค์มีการกำหนดโครงการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานซึ่งจะเป็นการส่งเสริมให้เกิด “ เขตสร้างสรรค์ ” ในกรุงเทพฯมหานคร และการนำเสนอแผนการสำรวจแผนที่ขุมทรัพย์แห่งทักษะของมหานครกรุงเทพ (Skills Mapping) ซึ่งจะเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพที่เต็มไปด้วยชุมชนคนสร้างสรรค์ใน 6 ย่านดังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อันประกอบไปด้วย
จตุจักร: ตลาดนัดต้นตอห่วงโซ่ธุรกิจสร้างสรรค์ ตั้งแต่วัตถุดิบ ยันชิ้นงานสร้างสรรค์ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค
ทองหล่อ: ถนนที่รวมทุกปัจจัยของเมืองสร้างสรรค์ ต้นกำเนิดเครือข่ายกิจกรรมสร้างสรรค์เพื่อชุมชนและสังคม
สยามสแควร์: รัยเวย์แฟชั่นของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัยและเป็นที่แจ้งเกิดของแบรนด์แฟชั่นไทย
ทาวน์ อิน ทาวน์: เมืองเล็กของมนุษย์งานด้านเอเจนซี่ ศูนย์รวมบริการของธุรกิจโฆษณาและภาพยนตร์
อาร์.ซี.เอ. : แหล่งรวมค่ายเพลงอินดี้ ศูนย์กลางธุรกิจดนตรีและสถานบันเทิง
สุขุมวิท : ย่านธุรกิจบริการและที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับชาวต่างชาติ
ในการนี้ขอสรุปสาระและความสำคัญจากการสัมมนาและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ดังนี้
1) ทางด้านฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยวสามารถนำแนวคิดนี้มาปรับปรุงแผนการส่งเสริมสินค้าทางการท่องเที่ยวในภาคกลาง(กรุงเทพมหานคร) ได้ต่อไปในอนาคต
2) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สามารถนำนโยบายและกลยุทธ์วิธีต่างๆที่เกิดขึ้นนี้ มาสรรค์สร้างเพื่อทำให้เกิดแนวทางใหม่ๆ และ อาชีพใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ต่อไป

ในการนี้พวกเราคนไทยด้วยกันคงจะต้องมีการร้องเพลงรอกันต่อไป ว่า...ท่านผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คนใหม่คนนี้......จะมีแนวทางและนโยบายในการทำงานอย่างไรบ้าง......พวกเราก็คงต้องรอกันต่อไป........จนกว่าวันนั้นจะมาถึงถ้าพวกเราคนไทยด้วยกัน...........ยังมีความโชคดีกัน..........อยู่


สวัสดี พี่น้องชาวไทย
Mr. Thailand
30 ธันวาคม 2552
11:30 น.

การท่องเที่ยวแนวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย

ข้อมูลโดย : พิฆเนศ สุขสมจิตร
เอกสารประกอบ : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

1)รูปแบบในการจัดการอตุสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบเดิม คือ จะให้ ความสำคัญของวิธีการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ในการกำหนดหลักการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (ระหว่างปี 2549 - 2552) โดยได้กำหนดเอาไว้ว่า “ การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ” จะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการท่องเที่ยว (ในครั้งอดีต) ซึ่งได้มีการรวบรวมปัญหาต่างๆ และวิธีการแก้ไขความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาชุมชนท้องถิ่นที่ไม่ได้รับประโยชน์ และไม่มีส่วนร่วม หรือ ปัญหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้เป็นไปตามขั้นตอนและกิจกรรมชนิดต่างๆ ให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด
ในครั้งอดีตนั้นการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนี้จัดให้เป็นหลักการและได้นำไปใช้ กับ กิจกรรมเพื่อการดำเนินกิจการของสถานประกอบการ และ การจัดการโครงการต่างๆ ที่มีส่วนเกี่ยวของกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
กระแสการท่องเที่ยวยั่งยืนในครั้งอดีต (ระหว่างปี 2549 - 2552) นั้น จะมีปัจจัยหลายๆ ด้านที่สามารถสร้างให้เป็นโอกาสทางการตลาดของการท่องเที่ยว แนวทางการส่งเสริมศักยภาพและกำหนดทิศทาง และ การเติบโตของการท่องเที่ยว ยังเป็นเครื่องมือที่มีสำคัญในการนำไปใช้เพื่อแก้ไขปัญหาด้านต่าง ๆ
2.) การสัมมนาฯในครั้งนี้ ได้มีการขอยกตัวอย่าง และ การนำเสนอของกระแสการท่องเที่ยวของโลกสมัยใหม่ (ระหว่างปี 2553 - 2557 ) ที่จะเกิดขึ้นดังนี้
2.1 พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่เป็นอยู่ จากการประมวลสถานการณ์ และ เอกสารทางด้านวิชาการ มีรายละเอียดดังนี้
- นักท่องเที่ยวมีความต้องการ การท่องเที่ยวในรูปแบบเฉพาะมีมากขึ้น
- การเลือกเดินทางท่องเที่ยวอย่างรู้คุณค่า
- การแสวงหาประสบการณ์ การเรียนรู้ และมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น
- ท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก ห่วงใยสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น
- มุ่งเน้นความสะดวกและการบริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น
3)กลุ่มนักวิชาการณ์ และ ผู้เข้าร่วมฯ ได้มีการวิเคราะห์ถึงความต้องการของผู้บริโภค และ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ ระหว่าง ปี พ.ศ. 2550 – 2552 ดังนี้
กลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวชาวเยอรมนี : นักท่องเที่ยวจะให้ความสำคัญกับคุณภาพสิ่งแวดล้อมในแหล่งท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ
กลุ่มตลาดของนักท่องเที่ยวชาวอิตาลี : 94 % ของนักท่องเที่ยวสนับสนุนมาตรการในการรักษาสิ่งแวดล้อมของที่พัก และ
อีก 90 % จะเลือกที่พักที่มีเครื่องหมาย ECO-LABEL
กลุ่มตลาดของนักท่องเที่ยว สหราชอาณาจักร : นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการอุตสาหกรรมที่มีจริยธรรมและเต็มใจที่จะจ่ายเพื่อสิ่งนั้น
กลุ่มตลาดของนักท่องเที่ยวชาวสหรัฐอเมริกา: มีนักท่องเที่ยวที่มากกว่า 75 % ยึดมั่นว่าการเดินทางท่องเที่ยวของพวกเขาจะไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและ 38% เต็มใจที่จะจ่ายเพิ่มเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และนักท่องเที่ยว 80 % มีความเห็นว่าการอนุรักษ์เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่มีเพียงแค่ 14 % ที่จะคำนึงถึงที่พักที่มีมาตรการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็นสำคัญ
ลักษณะของสินค้าทางการท่องเที่ยวในประเทศไทยและกิจกรรมที่ยังได้รับความนิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ยังคงอยู่เช่นเดิมประกอบไปด้วย
• หาดทราย-ชายทะเล / ชมเมือง / ทิวทัศน์ / น้ำตก / ป่าเขา
• วัฒนธรรม/ประเพณี
• Shopping/สถานบันเทิง
• ฯลฯ
4)นักวิชาการได้ทำการวิเคราะห์และนำเสนอคุณลักษณะของสินค้าทางการท่องเที่ยวในประเทศไทยและกิจกรรมต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดกระแสความนิยมในอนาคต คือ
* การมุ่งความสนใจเฉพาะด้าน ในสินค้าท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ/
ดำน้ำ/การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย
* การสร้างเสริมประสบการณ์ และ การเรียนรู้สิ่งใหม่ในแหล่งท่องเที่ยว
เช่น การท่องเที่ยวเชิงเกษตร/การท่องเที่ยวชุมชน/ค่ายเยาวชน
* การสร้างสรรค์ประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การเป็นอาสาสมัคร/การปลูกป่าชายเลน/ดำน้ำเก็บขยะ ฯลฯ
นอกจากนี้การบิดตัวต่อสภาวการณ์ ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยุคใหม่จะทำให้ผู้ประกอบการฯ จะต้องคำนึงถึงปัจจัยทั้งภายนอกและภายในของประเทศไทย ให้มากขึ้นด้วย เช่น
1 การเปลี่ยนแปลงทางภาคการเกษตรของประเทศ
2 สภาวะแวดล้อมและสภาวะของสภาพอากาศในประเทศ
3 การประมวลสถานการณ์ทางด้านวิกฤตการณ์การเมืองที่จะเกิดขึ้นในประเทศ
ทั้งทางตรงและทางอ้อม
4 การแข่งขันระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน
5 ต้นทุนทางการผลิตที่สูงขึ้น/การปรับตัวของการบริหารการจัดการทั้งทางภาครัฐ-เอกชน
6 การวางตำแหน่งและตัวสินค้าที่มีอยู่ภายในประเทศไทย
ปัจจัยที่จะก่อให้เกิดการบิดตัวของผลสภาวการณ์ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยุค
ใหม่ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆ จะต้องคำนึงถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้
• การพัฒนาสินค้าทางการท่องเที่ยวจะต้องกระจายไปสู่ภูมิภาคและท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น
• การสร้างระบบการเตือนภัยที่ดีและมีคุณภาพ
• การบูรณาการทางการตลาด / การสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้าทางการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
• การทำตลาดและการทำธุรกิจในเชิงรุก / การทำตลาดทางตรงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยุคใหม่
4) การสัมมนาฯ ในครั้งนี้กระผมขอนำเสนอเครื่องมือที่จะเป็น “ การจัดการบริการ และ การท่องเที่ยวในภาวะวิกฤต ” โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) จะต้องมีการปรับมุมมองทางด้านการตลาดเสียใหม่ เช่น มีการกำหนดบทบาทให้กลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย หรือ คนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ เป็นเสมือน “ เพื่อนหรือคนรู้จัก ” มากกว่าจะเป็นเพียงนักท่องเที่ยวเท่านั้น
ปัจจุบันนี้ ภาพโดยรวมของตัวสินค้าที่มีอยู่ในประเทศไทยยังมีลักษณะที่คล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ การที่ ททท. จะได้นำเอาปัญญาปฏิบัติของไทยมาใช้งานภายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย
จะเป็นตัวช่วยเหลือที่ดีได้ต่อไปในอนาคต
ในการนี้จะขอยกแนวทางและปัญญาปฏิบัติของไทย รวมถึง ปัญญาประดิษฐ์ จากการจัดการความรู้ และแนวทางการทำงานของ ททท. ต่อไปในอนาคต ดังต่อไปนี้
1 วิธีการที่จะเป็นตัวการและจัดการบริการและการท่องเที่ยวในภาวะวิกฤตในอนาคต ภาครัฐ ( ททท. ) จะต้องให้ความสำคัญของการทำ CRM : Customer Relationship Management
CEM : Customer Experiential Management และ CESR : Corporate Environmental Social responsibility
กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มตลาด เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำภายในประเทศไทย
2 จัดทำ Routing D’ Zine ของตัวสินค้าที่มีอยู่ในประเทศไทยให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพื่อจะเป็นการปลุกกระแสและทำให้เกิดการท่องเที่ยวซ้ำในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย
3 การจัดทำ Thaimesh Packages เพื่อ ให้ตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม
4 มีการนำกระแส และหมายรวมถึงการสร้างกระแสให้เกิดขึ้นภายในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโลก โดยมีการกระตุ้นให้เกิดความ (อยาก) ให้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวและมีการใส่ความคิดที่ ว่า “ ในชั่วชีวิตหนึ่งจะต้องเดินทางมาท่องเที่ยวภายในประเทศไทยให้ได้ มากกว่า 1ครั้งให้ได้ ” ฯลฯ

ในอนาคตอันใกล้นี้ คำที่ว่า “ Creative Tourism ” จะมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมโลก (ระหว่างปี พ.ศ. 2553 – 2557 ) มากยิ่งขึ้น ยังจะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการจัดการบริการและการท่องเที่ยวในภาวะวิกฤตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยได้ต่อไปในอนาคต